คำทำนายหรือการสมคบคิด? ปริศนาม้าขาว

May be an image of text

ในห้วงเวลาที่ความเงียบของราชสำนักกลายเป็นกระแสที่ดังก้องในจิตใจของประชาชนคำทำนายเก่าแก่ที่เคยถูกลืมเลือนกลับถูกกล่าวถึงอีกครั้งพระนางขี่ม้าขาววลีเพียงไม่กี่คำแต่สะเทือนความเชื่อของคนทั้งแผ่นดินบางคนมองว่าเป็นเพียงเรื่องเล่าในตำนานบ้างก็มองว่าเป็นถ้อยคำที่แฝงด้วยพลังของอนาคตท่ามกลางความไม่แน่นอนในราชสำนักและความเปลี่ยนแปลงของบทบาทสตรีในสังคมไทยคำนายนี้ได้หวนกลับมาในใจของผู้คนอย่างเงียบงามแต่หนักแน่นประดุจ

เสียงกระซิบจากอดีตที่ยังไม่ยอมจางหายความเชื่อที่ว่าหญิงผู้ทรงพลังจะปรากฏขึ้นเพื่อฟื้นฟูความสมดุลของราชวงศ์กลับกลายเป็นคำถามที่ไม่มีใครกล้าตอบตรงๆแต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธได้เช่นกันในยุคที่ข้อมูลถูกส่งต่อเพียงชั่วพริบตาการกลับมาของเจ้าหญิงพัชรกิตติยาผาทั้งในทางกายภาพและในเชิงสัญลักษณ์กลายเป็นจุดสนใจที่ยิ่งใหญ่ผู้คนไม่เพียงเฝ้ารอข่าวคราวเรื่องสุขภาพของพระองค์แต่ยังแอบเชื่อว่าการฟื้นคืนของพระองค์อาจสื่อถึงบางสิ่งที่ลึกซึ้งกว่าการหายจากอาการ

เจ็บป่วยเราจึงตั้งคำถามว่าคำทำนายเรื่องพระนางขี่ม้าขาวนั้นเป็นเพียงบทกวีงดงามหรือเป็นรหัสลับที่กำลังคลี่คล้ายต่อหน้าต่อตาเราเจ้าหญิงที่ใครหลายคนอาจหลงลืมไปแล้วกำลังเดินบนเส้นทางที่บทกวีได้ขีดไว้ล่วงหน้าโดยไม่รู้ตัวหรือไม่หรือทั้งหมดนี้เป็นเพียงภาพสะท้อนของความปรารถนาในจิตวิญญาณของผู้คนที่ยังคงเฝ้ารอผู้นำที่อ่อนโยนแต่ทรงพลังในโลกที่ไร้ความแน่นอนบางครั้งความหวังคือม้าข่าวตัวสุดท้ายที่เรายึดไว้เรื่องราวของเราเริ่มต้นจากจุด

นี้การเดินทางย้อนสู่ต้นกำเนิดของคำทำนายที่แฝงเร้นและการไขปริศนาที่อาจเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นใหม่พร้อมกับตั้งคำถามถึงความหมายของการกลับมาอย่างแท้จริงคำนายเรื่องพระนางขี่ม้าขาวไม่ได้เพิ่งถือกำเนิดขึ้นในยุคปัจจุบันหากแต่ว่าฝังรากลึกในเอกสารโบราณที่หลงเหลืออยู่เพียงบางส่วนบทกวีหนึ่งจากยุครัตนโกสินทร์ตอนต้นได้กล่าวถึงหญิงผู้หนึ่งผู้มาพร้อมมาขาวกลางพายุฝนเพื่อปลอบขวัญแผ่นดินในยามที่ผู้คนหลงทิศทาเนื้อความในบทกวีไม่ได้ระบุชื่อหรือสถาน

ที่อย่างชัดเจนทว่าถ้อยคำกลับเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ที่สามารถตีความได้หลากหลายนางมิได้มาเพื่อครอบครองบัลลังก์แต่เพื่อคืนสมดุลให้วิญญาณแผ่นดินดวงตาเธอมองเห็นสิ่งที่ผู้คนไม่กล้ามองมือเธออ่อนโยนแต่หัวใจแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าม้าขาวนำทางเธอผ่านม่านหมอกของเงาอดีตบทกวีนี้เคยถูกตีความว่าเป็นเพียงการสรรเสริญคุณธรรมของสตรีผู้มีบารมีทว่าหลังเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในราชสำนักเมื่อไม่นานมานี้นักวิชาการและนักโหรศาสตร์บางคนเริ่มหันกลับ

มาทบทวนความหมายแฝงอย่างจริงจังอีกครั้งบางคนเชื่อว่าม้าขาวในบทกวีไม่ได้สื่อถึงสัตว์จริงแต่เป็นภาพเปรียบของพลังแห่งคุณธรรมความบริสุทธิ์และความกล้าหาญที่จะฝ่าเงามืดแห่งความเงียบงันความหวังในเวลาที่ประชาชนรู้สึกหลงทางและที่น่าจับตามองยิ่งกว่านั้นคือตัวเอดในบทกวีหญิงสาวผู้ไม่ถือตำแหน่งสูงสุดแต่กลับเป็นผู้ที่ฟื้นคืนแสงของบ้านเมืองด้วยการกระทำที่ไม่มีใครคาดคิดความคล้ายคลึงระหว่างบุคคลนั้นกับภาพลักษณ์ของเจ้าหญิง

พัชรกิตติยาภาในปัจจุบันจึงเริ่มจุดประกายคำถามอีกครั้งว่าเธอคือคนเดียวกันกับที่บทกวีได้กล่าวถึงหรือไม่คำทำนายนี้ไม่ใช่เพียงแค่คำบอกเล่าจากคนเท่าคนแก่แต่คือกระจกสะท้อนความหวังของประชาชนในทุกยุคสมัยเมื่อใดที่บ้านเมืองไร้ทิศทางเมื่อนั้นพระนางขี่ม้าขาวจะกลับมาในรูปแบบที่ไม่มีใครคาดถึงหากพระนางขี่ม้าขาวคือเงาของผู้หญิงในตำนานที่ถือพลังแห่งความสมดุลและการเยียวยาแล้วในโลกแห่งความจริงวันนี้ใครคือบุคคลที่มีลักษณะเช่นนั้นเมื่อเราหัน

May be an image of text

กลับมามองเจ้าหญิงพัชรกิตติยานับตั้งแต่วันแรกที่พระองค์ก้าวเข้าสู่บทบาทในราชการและงานด้านกฎหมายทัศนคติของพระองค์กลับไม่ได้เน้นเพียงพิธีการหรือภาพลักษณ์หากแต่เต็มไปด้วยพลังของการลงมือปฏิบัติพระองค์เสด็จไปยังเรือนจำหยินอย่างเงียบๆเป็นระยะเวลาหลายปีเพื่อผลักดันโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ต้องขังหญิงให้กลับคืนสู่สังคมอย่างมีศักดิ์ศรีนี่ไม่ใช่การเดินทางเพื่อให้ใครมองเห็นหากเป็นการเลือกก้าวเข้าไปในพื้นที่ที่

สังคมมองข้ามด้วยความเข้าใจลึกซึ้งในธรรมชาติของมนุษย์และความเจ็บปวดที่ไร้เสียงสิ่งเหล่านี้คือบทบาทที่อยู่เบื้องหลังแต่ทรงพลังคือคำตอบที่อาจไม่ได้อยู่ในแสงแฟกของกล้องแต่ฝังแน่นอยู่ในสายตาของผู้คนที่เคยอยู่ในความมืดหากย้อนกลับไปเปรียบเทียบกับถ้อยคำในบทกวีที่ว่าเธอจะมาในยามที่ไม่มีใครคาดหวังไม่ได้เพื่อครอบครองแต่เพื่อปลดปล่อยเราจะพบว่าน้ำเสียงของคำทำนายกับการกระทำของเจ้าหญิงในชีวิตจริงเริ่มมีจุดร่วมที่น่าประหลาดใจ

และเมื่อพระองค์เผชิญภาวะอาการป่วยรุนแรงจนห่างหายไปจากสาธารณะผู้คนกลับไม่ได้ลืมเลือนหากเริ่มมีการรำลึกถึงบทบาทของพระองค์มากขึ้นเงียบแต่มั่นคงประหนึ่งจักรวาลเองก็กำลังเตรียมเวทีสำหรับการกลับมาบางอย่างแม้จะไม่ใช่ในรูปแบบที่เคยมีแต่เป็นในมิติที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิมจะเป็นอย่างไรหากม้าขาวในคำทำนายไม่ใช่สัตว์ในนิยายแต่เป็นเวทีแห่งโอกาสที่มอบให้กับผู้หญิงเพียงไม่กี่คนในรอบศักวรรและเจ้าหญิงพัชรกิตติยาผาออาจกำลังเดิน

May be an image of text

เข้าสู่บทบาทนั้นโดยไม่ตั้งใจแต่อย่างเงียบงามและสง่างามในโลกที่ข่าวสารหมุนเวียนรวดเร็วจนยากแยกแยะความจริงจากเสียงสะท้อนคำว่าม้าขาวดูจะไม่ใช่เพียงสัญลักษณ์แห่งอีกต่อไปหากกลายเป็นภาวิตสำนึกร่วมที่ประชาชนทั้งประเทศกำลังหล่อหลอมขึ้นมาอย่างเงียบเชียบหลังจากเหตุการณ์ที่เจ้าหญิงพัชรกิตติยาพาประสบปัญหาด้านพระพลานามัยกระแสข่าวเงียบงันลงอย่างผิดปกติไม่มีภาพไม่มีเสียงไม่มีคำอธิบายมีเพียงความเงียบที่กินเวลานับพันวันทว่า

เงียบนั้นเองสิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่ใช่การลืมแต่เป็นการรอคอยรอคอยโดยไม่รู้ตัวรอคอยด้วยความหวังว่าบุคคลที่หายไปจะกลับมาในรูปแบบที่เปลี่ยนไปแข็งแกร่งกว่าเดิมลึกซึ้งกว่าเดิมและเป็นคำตอบบางอย่างต่อคำถามที่ไม่มีใครกล้าถามการกล่าวถึงเจ้าหญิงในช่วงหลังเริ่มมีเสียงใหม่ๆปรากฏขึ้นจากประชาชนที่เคยได้รับอิทธิพลจากโครงการของพระองค์พวกเขาไม่ได้พูดถึงราชวงศ์ในแง่พิธีการแต่พูดถึงความเปลี่ยนแปลงจริงที่พระองค์ได้

May be an image of text

สร้างไว้ในระดับรากหญ้าแม้ในสื่อกระแสหลักจะไม่มีบทความเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับคำทำนายแต่ในโลกออนไลน์บทสนทนาเกี่ยวกับการกลับมากลับค่อยๆเชื่อมโยงกับคำว่าพระนางขี่ม้าขาวโดยไม่มีใครกำกับถ้าพระองค์หายดีจริงนั่นอาจเป็นสัญญาณทำไมชื่อของพระองค์กลับมาถูกพูดถึงอีกครั้งอาจจะถึงเวลาแล้วที่ใครบางคนจะกลับมาเป็นดั่งความหวังของชาติกระแสเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากการโหมกระพือแต่เกิดจากแรงสะท้อนภายในจากประชาชนที่ยังคงเชื่อใน

พลังของผู้นำที่ไม่ต้องตะโกนและหากเราย้อนกลับไปมองคำทำนายอีกครั้งว่านางมิใช่ผู้เปล่าประกาศสิ่งใดแต่ทุกย่างก้าวคือคำทำนายที่กำลังเป็นจริงบางทีการที่เจ้าหญิงพัชรกิตติยาภาไม่อยู่ในพื้นที่สื่ออาจไม่ใช่การจางหายแต่อาจเป็นช่องว่างที่เปิดให้คำทำนายเริ่มทำงานในจิตใจของผู้คนและในเงาสะท้อนของยุคสมัยในสังคมไทยซึ่งอย่างรากลึกกับความเชื่อและพิธีกรรมคำว่าคำทำนายไม่ได้เป็นเพียงวรรณกรรมเพื่อความบันเทิงหากคือแรงขับ

เคลื่อนเงียบๆที่แฝงอยู่ในจิตใต้สำนึกของคนทั้งชาติพระนางขี่ม้าขาวจึงมิได้เป็นเพียงหญิงในตำนานแต่กลายเป็นต้นแบบของความหวังที่ประชาชนโหยหาในห้วงยามที่ความมั่นคงถูกสั่นคลอนเมื่อราชสำนักตกอยู่ในความเงียบเมื่อประชาชนเริ่มตั้งคำถามกับอนาคตและเมื่อข่าวสารที่เคยเชื่อถือได้กลายเป็นเพียงเสียงสะท้อนคำทำนายโบราณที่แฝงอยู่ในบทกวีกลับปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่ทางจิตใจนักจิตวิทยาบางรายเปรียบปรากฏการณ์นี้ว่าการฉายภาพของจิตสำนึกรวม

CollecticProjectionซึ่งอธิบายได้ว่าในช่วงเวลาที่สังคมไม่แน่ใจในทิศทางผู้คนจะเริ่มวาดภาพบุคคลที่พวกเขาต้องการให้ปรากฏขึ้นมาไม่ต่างจากการเฝ้ารอม้าขาวกลางทะเลหมอกและหากบุคคลนั้นเคยหนีตัวตนจริงเคยทำหน้าที่เป็นผู้เยียวยาอย่างเงียบงันเคยถูกหลงลืมไปด้วยความเงียบของพิธีการพลังของจิตสำนึกรวมก็จะเริ่มผลักดันเถอะขึ้นมาอีกครั้งในฐานะภาพแทนของความหวังแม้จะไม่ได้ประกาศตัวอย่างเป็นทางการน่าสนใจว่าคำทำนายนี้ไม่ได้ระบุว่าหญิงผู้นั้นจะ

สถาปนาตนเองแต่ผู้คนจะหันไปมองเธอโดยพร้อมเพรียงกันตระหนึ่งเสียงในใจของคนหมู่มากได้เลือกแล้วโดยไม่ต้องลงคะแนนเมื่อไม่มีใครกล้าก้าวขึ้นข้างหน้าเธอจะยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนกับว่าเธออยู่ตรงนั้นเสมอมาในห้วงเวลาที่อนาคตของราชวงศ์ไทยยังไม่อาจคาดเดาบางทีเราทุกคนกำลังตอบสนองต่อคำทำนายนี้ไม่ใช่ด้วยเหตุผลแต่ด้วยความรู้สึกเพราะความหวังไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลและคำทำนายอาจเป็นเพียงภาษาของหัวใจที่ยังไม่ถูกแปลเมื่อกล่าวถึงคำ

ทำนายในสังคมไทยเรามักจะโยงเข้ากับโชคชะตาที่ถูกเขียนไว้ล่วงหน้าดั่งเส้นได้ที่ถูกถักทอดโดยเทพเจ้าหรืออำนาจเหนือมนุษย์ทว่าหากเราตั้งคำถามให้ลึกกว่านั้นคำทำนายคือสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะมันถูกกำหนดไว้หรือเพราะเราหวังให้มันเกิดขึ้นเจ้าหญิงพัชชรกิตติยาพาอาจไม่ได้เลือกจะเป็นพระนางขี่ม้าขาวและไม่มีบทกฎหมายหรือพระราชองการใดแต่งตั้งให้พระองค์เป็นเช่นนั้นแต่การกระทำของพระองค์กลับนำพาเธอเข้าใกล้ภาพนั้นอย่างน่าประหลาดเมื่อเธอ

เงียบคนจดจำเมื่อเธอปรากฏคนหวังให้เธอกล่าวบางสิ่งแม้ไม่พูดอะไรเลยนั่นกลับกลายเป็นเสียงที่ดังกล้องเส้นแบ่งระหว่างโชคชะตาและการเลือกของจิตวิญญาณจึงเริ่มพร่าเลือนเพราะบางทีโชคชะตาก็อาจเป็นเส้นทางที่เราสร้างขึ้นเองจากการกระทำเล็กๆซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนวันหนึ่งคนอื่นเริ่มเรียกสิ่งนั้นว่าฟ้าลิขิตหากคำทำนายเป็นดั่งแผนที่พระองค์อาจเป็นผู้ที่เดินตามแผนที่นั้นด้วยความไม่รู้ตัวหรืออาจเป็นผู้ที่เลือกเส้นทางซึ่งพาไปยังจุดเดียวกันโดยไม่มีใครสั่งการมี

อยู่ของคำทำนายทำให้เรามองเห็นความหมายในความเงียบและการปรากฏตัวอย่างไม่เป็นทางการของเจ้าหญิงทำให้คำทำนายกลับมามีชีวิตตรัชญาของฟีดรนีชเคยกล่าวไว้ว่าโชคชะตาไม่ได้มีไว้ให้เรายอมรับแต่มีไว้ให้เราสร้างอาจขี่ม้าขาวหรือไม่เป็นเรากำลังเป็นพยานในการสร้างพระนางขี่ม้าขาวขึ้นมาโดยส่วนรวมอยู่หรือเปล่าเพราะในท้ายที่สุดคำทำนายไม่ได้เป็นเจ้าของโชคชะตามันเป็นเพียงกระจกเงาสะท้อนให้เราเห็นว่าใครคือคนที่เราอยากให้เป็นในเวลาที่โลกต้องการที่สุด

ในขณะที่ผู้คนยังคงเฝ้ารอข่าวดีจากราชสำนักเกี่ยวกับพระอาการของเจ้าหญิงพัชรกิตติยาภาความเงียบที่ยาวนานหลายร้อยวันกลับมิได้กลบเสียงของความหวังหากแต่มันยิ่งขยายขอบเขตของจินตนาการและเปิดพื้นที่ให้กับการกลับมาในอีกความหมายหนึ่งการกลับมาไม่จำเป็นต้องเป็นภาพของพระองค์ยืนอยู่หน้ากล่องหรือโบกพระหัตถ์กลางงานพิธีหากอาจเป็นเพียงการปรากฏในจิตใจของผู้คนปรากฏในบทสนทนาในความเชื่อและในคำถามที่ไม่มีใครกล้าถามตรงๆว่าหากวันหนึ่งเธอกลับมา

ราชวงศ์ไทยจะเปลี่ยนไปอย่างไรสิ่งที่น่าจับตามองคือการเคลื่อนไหวไหวทางสังคมอย่างเงียบๆที่กำลังเชื่อมโยงภาพลักษณ์ของเจ้าหญิงกับบทบาทใหม่ในจินตนาการของประชาชนบางคนมองว่าหากพระองค์หายดีการกลับมาอาจไม่ใช่การรับตำแหน่งแต่เป็นการปลุกสำนึกให้แก่สังคมปลุกให้เชื่อว่าผู้นำหญิงไม่จำเป็นต้องแข็งเกล้าปลุกให้เห็นว่าความเมตตาคือพลังและเงียบก็ทรงอิทธิพลได้ภาพของพระนางขี่ม้าขาวที่เคยถูกล้อมรอบด้วยตำนานและบทกวีโบราณกำลังถูกถ่ายทอด

ใหม่ผ่านมุมมองของคนรุ่นใหม่พวกเขาไม่เพียงเฝ้ารอปาฏิหาริย์แต่กำลังสร้างมันขึ้นมาด้วยความหวังอย่างเงียบงันแต่มั่นคงม้าขาวในตำนานอาจไม่ใช่สัตว์ที่มีอยู่จริงแต่มันมีอยู่ในรูปแบบของช่วงเวลาช่วงเวลาที่สังคมเริ่มมองเห็นความหวังในผู้หญิงที่เคยถูกกลืนและเริ่มตั้งคำถามว่าเธอจากไปหรือเราเองที่ยังไม่เคยเข้าใจบทบาทที่แท้จริงของเธอการกลับมาในเงามืดในสายตาที่จดจำในจิตวิญญาณของประชาชนอาจทรงพลังยิ่งกว่าการกลับมาใดๆที่เคยมีมาก่อน

เมื่อเราหยุดนิ่งเพียงชั่วครู่และหันกลับไปทบทวนคำทำนายพระนางขี่ม้าขาวเราอาจพบว่าความหมายของมันไม่เคยหยุดนิ่งหากเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบไปพร้อมกับกาลเวลาเปลี่ยนรูปร่างไปตามยุคเปลี่ยนใบหน้าไปตามผู้นำเปลี่ยนความหวังไปตามเสียงของประชาชนในศตวรรษที่21ซึ่งเป็นยุคแห่งความคลุ้มเครือทางอำนาจความเปราะบางสถาบันและความเปลี่ยนแปลงของระบบคุณค่าคำทำนายโบราณกลับยังสามารถสะท้อนความจริงในปัจจุบันได้อย่างคมชัดจนน่าประหลาดพระนาง

ขี่ม้าขาวไม่ใช่เพียงตำนานแต่เป็นบทเรียนทางสังคมเป็นคำเตือนถึงความจำเป็นของการฟื้นฟูด้วยมือของผู้ที่รู้จักทั้งความเข้มแข็งและความอ่อนโยนหากเจ้าหญิงกิติยาพาจะกลับมาไม่ว่าด้วยบทบาทใดนั่นอาจไม่ใช่การกลับมาเพื่อครองอำนาจแต่เพื่อปลุกอุดมการณ์ที่ประชาชนเคยศรัทธาเพื่อเป็นภาพสะท้อนว่าความรักชาติความเสียสละและการลงมือทำจริงยังคงมีที่ยืนอยู่ในหัวใจของราชวงศ์ไทยเราทุกคนอาจไม่รู้ว่าอนาคตจะนำพาไปสู่จุดใดแต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอน

คือความหวังไม่เคยตายและผู้คนจะยังคงเฝ้ารอใครบางคนที่ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้สมบูรณ์แบบหากแต่เป็นผู้ที่พร้อมยืนอยู่ตรงกลางระหว่างความเงียบและการเริ่มต้นใหม่ดังเช่นบทกวีสุดท้ายที่ปรากฏในตำราเก่าหากเธอกลับมาในยามที่ไร้เสียงใดเรียกหาจงรู้ไว้ว่าโลกยังจำเธอได้เสมอมาขาวไม่เคยหายไปมันรอเพียงผู้กล้าที่จะควบมันด้วยหัวใจไม่ใช่ด้วยอำนาจและบางทีคำทำนายนั้นอาจไม่ได้เขียนขึ้นเพื่อทำนายอนาคตแต่อาจเขียนขึ้นเพื่อทดสอบว่าเราจะเชื่อ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *